ผู้ถือบัตรรับทราบว่า การที่ผู้ถือบัตรตกลงใช้บริการผ่อนชำระรายเดือน (Installment Payment Plan : IPP) บัตรเครดิตธนาคารออมสิน (Credit Card) กับธนาคารออมสิน (“ธนาคาร”) ผู้ถือบัตรยินยอมผูกพันและปฏิบัติตามข้อตกลงและเงื่อนไขของการผ่อนชำระรายเดือนดังต่อไปนี้ทุกประการ

           1. ข้อตกลงและเงื่อนไขนี้เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาการเป็นสมาชิกบัตรเครดิต ซึ่งประกอบด้วยใบสมัครบัตรเครดิต ข้อกำหนดและเงื่อนไขในการใช้บัตรเครดิตธนาคารออมสิน รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้บัตรเครดิตธนาคารออมสิน และหรือเงื่อนไขที่ธนาคารแก้ไขเพิ่มเติมในภายหลังและแจ้งให้ผู้ถือบัตรทราบตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ (ต่อไปนี้จะรวมเรียกว่า “สัญญาการเป็นสมาชิกบัตรเครดิต”) ทั้งนี้ หากข้อตกลงและเงื่อนไขนี้ขัดกับสัญญาการเป็นสมาชิกบัตรเครดิตให้ใช้ข้อตกลงและเงื่อนไขนี้บังคับ

           2. คำนิยาม

           บรรดาคำหรือข้อความที่เป็นคำหรือข้อความเดียวกันกับคำหรือข้อความในสัญญาการเป็นสมาชิกบัตรเครดิต หากไม่ได้กำหนดความหมายไว้เป็นการเฉพาะในข้อตกลงและเงื่อนไขนี้ ให้คำหรือข้อความนั้นมีความหมายเดียวกันกับบรรดาคำหรือข้อความในสัญญาการเป็นสมาชิกบัตรเครดิต ทั้งนี้ นอกเหนือจากคำนิยามอื่นที่ได้มีการกำหนดไว้ในข้อตกลงและเงื่อนไขฉบับนี้ ให้คำที่ระบุด้านล่างนี้มีความหมายดังต่อไปนี้

           2.1 “บัตรเครดิต” หมายถึง บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ธนาคารออกให้แก่ผู้ถือบัตรตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ธนาคารกำหนด เพื่อใช้ชำระค่าสินค้า และ/หรือบริการ หรือค่าอื่นใดแทนการชำระด้วยเงินสด หรือเพื่อใช้เบิก ถอน โอน หรือทำธุรกรรมอื่นใดที่เกี่ยวกับเงิน และธนาคารจะเรียกให้ผู้ถือบัตรชำระเงินในภายหลัง ทั้งนี้ ไม่รวมถึงบัตรที่ได้มีการชำระค่าสินค้าและ/หรือบริการ หรือค่าอื่นใดไว้ล่วงหน้าและบัตรที่ผู้ถือบัตรไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียม ค่าบริการ ดอกเบี้ย หรือค่าอื่นใดอันเนื่องจากการใช้บัตรดังกล่าวในทุกกรณี

           2.2 “ผู้ถือบัตร” หมายถึง บุคคลที่ธนาคารได้พิจารณาอนุมัติให้ใช้บัตรเครดิต ทั้งที่เป็นผู้ถือบัตรหลัก และ บัตรเสริม

           2.3 “บัตรหลัก” หมายถึง บัตรเครดิตที่ธนาคารออกให้แก่ผู้ถือบัตรที่เป็นผู้มีรายได้หรือฐานะทางการเงินเพียงพอสำหรับการชำระหนี้บัตรเครดิต

           2.4 “บัตรเสริม” หมายถึง บัตรเครดิตที่ธนาคารออกให้แก่ผู้ถือบัตรที่ผู้ถือบัตรหลักยินยอมให้ใช้จ่ายเงินภายในวงเงินของผู้ถือบัตรหลัก

           2.5 “การผ่อนชำระรายเดือน” (Installment Payment Plan : IPP) หมายถึง ผลิตภัณฑ์บริการของธนาคารในรูปแบบโปรแกรมการแบ่งชำระค่าสินค้าและ/หรือค่าบริการเป็นรายเดือน โดยเมื่อผู้ถือบัตรชำระค่าสินค้าและ/หรือบริการผ่านบัตรเครดิต ไม่ว่าจะใช้วิธีการรูด/แตะ/เสียบบัตร ที่เครื่อง EDC (Electronic Data Capture) หรืออุปกรณ์รับชำระเงินในรูปแบบอื่น ๆ หรือการแจ้งหมายเลขบัตรเครดิตด้วยวาจาหรือลายลักษณ์อักษรแก่สถานที่รับบัตรหรือรูปแบบอื่นที่ธนาคารกำหนดผ่านช่องทางใด ๆ เช่น โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่น ธนาคารจะชำระค่าสินค้าและ/หรือบริการดังกล่าวให้แก่สถานที่รับบัตรแทนผู้ถือบัตรไปก่อน และผู้ถือบัตรตกลงผ่อนชำระค่าสินค้าและ/หรือบริการ พร้อมทั้งดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการผ่อนชำระและค่าธรรมเนียม (ถ้ามี) คืนให้กับธนาคารเป็นรายงวด ตามรอบบัญชีบัตร ตามจำนวนเงินและงวดการผ่อนชำระที่ตกลงไว้กับธนาคาร โดยธนาคารจะเรียกเก็บยอดผ่อนชำระในแต่ละงวดผ่านบัตรเครดิตของผู้ถือบัตร

           2.6 “วันถึงกำหนดชำระ” หมายถึง วันที่ธนาคารกำหนดให้ผู้ถือบัตรชำระเงินตามจำนวนเงินที่ระบุไว้ในใบแจ้งยอดในแต่ละรอบบัญชี

           2.7 “วันสรุปยอดบัญชี” หมายถึง วันสรุปยอดใช้จ่ายของบัตรเครดิตและ/หรือบัญชีบัตรเครดิต

           2.8 “ดอกเบี้ย” หมายถึง ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการซื้อสินค้าและ/หรือบริการด้วยบัตรเครดิตซึ่งผู้ถือบัตรชำระหนี้ไม่เต็มจำนวน หรือชำระล่าช้า หรือไม่ชำระหนี้ตามยอดที่ระบุไว้ในใบแจ้งยอด และ/หรือดอกเบี้ยที่เกิดจากการผ่อนชำระรายเดือน ตามอัตราที่ธนาคารประกาศและ/หรือกำหนด แล้วแต่กรณี

           2.9 “เงินต้น” หมายถึง จำนวนเงินค่าสินค้าและ/หรือบริการที่ธนาคารจะจ่ายให้กับสถานที่รับบัตรแทน ผู้ถือบัตรไปก่อน

           3. ผู้ถือบัตรรับทราบว่า การทำรายการผ่อนชำระรายเดือน ผู้ถือบัตรจะต้องทำรายการในรอบบัญชีเดียวกับที่มีการใช้จ่าย ซึ่งการเรียกเก็บรายการผ่อนชำระอาจเริ่มในรอบบัญชีเดียวกันหรือในรอบบัญชีถัดไป ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่สถานที่รับบัตรทำการสรุปรอบบัญชีเรียกเก็บกับธนาคาร วันสรุปรอบบัญชีของบัตรเครดิตและผู้ถือบัตรทำรายการขอผ่อนชำระ ณ เดือนนั้น โดยในวันที่ทำรายการ ผู้ถือบัตรตกลงคงสถานะการผู้ถือบัตรและไม่ผิดนัดชำระหนี้ ในกรณีที่ธนาคารตรวจพบว่าผู้ถือบัตรมีคุณสมบัติไม่ถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ และ/หรือเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด ธนาคารมีสิทธิระงับการทำรายการผ่อนชำระรายเดือน และผู้ถือบัตรตกลงชำระยอดคงค้างทั้งหมดที่เหลือ รวมทั้งดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ (ถ้ามี) ทั้งนี้ การอนุมัติขึ้นอยู่กับการพิจารณาของธนาคาร

           4. ผู้ถือบัตรรับทราบว่า การที่ผู้ถือบัตรชำระค่าสินค้าและ/หรือบริการ ผ่านบัตรเครดิตและทำรายการขอผ่อนชำระค่าสินค้าและ/หรือบริการดังกล่าวเป็นงวดรายเดือนผ่านช่องทางที่ธนาคารกำหนด ให้ถือว่าการผ่อนชำระรายเดือนรายการนั้นเป็นการใช้บัตรเครดิตและวงเงินบัตรเครดิตด้วย ซึ่งธนาคารจะนำยอดเต็มของค่าสินค้าและ/หรือบริการหักออกจากวงเงินบัตรเครดิตของผู้ถือบัตร ณ วันที่ทำรายการซื้อสินค้าและ/หรือบริการ รวมทั้งจะหักดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ (ถ้ามี) ออกจากวงเงินบัตรเครดิต ณ วันที่ทำรายการผ่อนชำระรายเดือนสำหรับรายการนั้น โดยธนาคารจะคืนวงเงินบัตรเครดิตให้แก่ผู้ถือบัตรตามจำนวนเงินต้น ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม (ถ้ามี) ที่ผู้ถือบัตรชำระเงินคืนให้แก่ธนาคารในแต่ละงวด ทั้งนี้ บรรดาหนี้สินทั้งหลายที่เกิดขึ้นผ่านการผ่อนชำระรายเดือนนี้ ถือเป็นยอดหนี้ตามบัญชีบัตรเครดิตที่ผู้ถือบัตรจะต้องรับผิดชอบชดใช้ให้แก่ธนาคารตามสัญญา การเป็นสมาชิกบัตรเครดิต

           5. ผู้ถือบัตรรับทราบว่า ผู้ถือบัตรสามารถใช้บริการผ่อนชำระรายเดือนได้กับรายการชำระค่าสินค้าและ/หรือบริการที่ผู้ถือบัตรชำระด้วยบัตรเครดิต ยกเว้น รายการใช้จ่ายที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศ รายการเบิกถอนเงินสดล่วงหน้าทุกประเภท รายการซื้อหน่วยลงทุนและกองทุนต่าง ๆ รายการชำระภาษี ค่าปรับ ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ รายการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรจะไม่ได้รับคะแนนสะสม GSB Reward Point สำหรับยอดใช้จ่ายที่ทำรายการผ่อนชำระรายเดือน

           6. ผู้ถือบัตรรับทราบว่า ในกรณีที่ธนาคารมีการอนุมัติเพิ่มวงเงินชั่วคราวให้แก่ผู้ถือบัตร ผู้ถือบัตรจะไม่สามารถทำรายการผ่อนชำระรายเดือนสำหรับวงเงินชั่วคราวของบัญชีบัตรเครดิตนั้น ๆ ที่เพิ่มมาได้

           7. กรณีผู้ถือบัตรทำรายการผ่อนชำระรายเดือนผ่านช่องทางใด ๆ สำเร็จแล้ว ผู้ถือบัตรรับทราบว่า จะไม่สามารถนำยอดค่าใช้จ่ายดังกล่าวมาขอผ่อนชำระผ่านช่องทางอื่นได้อีก

           8. ผู้ถือบัตรรับทราบว่า เมื่อระบบทำรายการผ่อนชำระรายเดือนสำเร็จ ผู้ถือบัตรสามารถตรวจสอบรายการผ่อนชำระผ่านช่องทางบริการ Mobile Banking (MyMo)/Line : GSB NOW ได้ในวันถัดไป

           9. ผู้ถือบัตรรับทราบว่า ยอดการผ่อนชำระรายเดือนที่ธนาคารแจ้งผ่านช่องทางต่าง ๆ หลังจากผู้ถือบัตรทำรายการผ่อนชำระรายเดือนเป็นจำนวนเงินที่ผู้ถือบัตรต้องชำระให้แก่ธนาคารในแต่ละเดือน ซึ่งคำนวณจากราคาสินค้าและ/หรือบริการทั้งจำนวนบวกด้วยดอกเบี้ยที่ต้องชำระทั้งหมดตลอดระยะเวลา (ถ้ามี) บวกด้วยค่าธรรมเนียม (ถ้ามี) หารด้วยจำนวนเดือน ของระยะเวลาที่จะผ่อนชำระ (ซึ่งผู้ถือบัตรได้เลือกไว้ในวันที่ซื้อสินค้าและ/หรือบริการหรือที่ผู้ถือบัตรได้เลือก ทำรายการผ่อนชำระรายเดือนผ่านช่องทางต่าง ๆ ของธนาคาร) ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม ค่าบริการต่าง ๆ และเบี้ยปรับ เป็นไปตามที่ธนาคารประกาศกำหนด และ/หรือตามเงื่อนไขการส่งเสริมการตลาดของธนาคารในแต่ละช่วงเวลา

           10. ผู้ถือบัตรรับทราบว่า ธนาคารจะเรียกเก็บเงินสำหรับยอดใช้จ่ายที่ผู้ถือบัตร ทำรายการผ่อนชำระรายเดือนตามจำนวนเงินที่ถึงกำหนดชำระในแต่ละงวด พร้อมกับการเรียกเก็บเงิน ค่าสินค้าและ/หรือบริการและหนี้อื่น ๆ อันเกิดจากการใช้บัตรตามที่ปรากฏในใบแจ้งยอดจนกระทั่งชำระเสร็จสิ้น โดยวันถึงกำหนดชำระของยอดผ่อนชำระรายเดือนดังกล่าว จะเป็นวันเดียวกับวันถึงกำหนดชำระเงินรอบปกติของบัญชีบัตรเครดิตของผู้ถือบัตรตามที่ระบุในใบแจ้งยอด ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรไม่สามารถเปลี่ยนแปลงระยะเวลาการผ่อนชำระ (รายเดือน) ตามที่ผู้ถือบัตรเลือกไว้ได้ และวันถึงกำหนดชำระงวดแรกอาจจะมีระยะเวลามากกว่าหรือน้อยกว่า 30 (สามสิบ) วันนับจากวันที่ผู้ถือบัตรได้ทำรายการซื้อสินค้าและ/หรือบริการ

           11. ผู้ถือบัตรตกลงชำระยอดผ่อนชำระในแต่ละเดือนให้ครบถ้วนเต็มจำนวนตามที่ธนาคารเรียกเก็บ โดยผู้ถือบัตรรับทราบว่าไม่สามารถนำหลักเกณฑ์การชำระเงินขั้นต่ำมาใช้กับการผ่อนชำระรายเดือนได้

           12. กรณีที่ผู้ถือบัตรไม่ชำระหรือชำระน้อยกว่ายอดผ่อนชำระตามที่ธนาคารเรียกเก็บ หรือไม่ชำระเงินจำนวนใดเมื่อถึงกำหนดชำระ ให้ถือว่าหนี้ทั้งหมดของยอดผ่อนชำระรายเดือนดังกล่าวถึงกำหนดชำระทันทีและธนาคารมีสิทธิเรียกให้ผู้ถือบัตรชำระหนี้ทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดตามที่ธนาคารประกาศกำหนด ณ ขณะนั้น รวมทั้งค่าติดตามทวงถามหนี้ ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ (ถ้ามี)

           13. กรณีที่ผู้ถือบัตรประสงค์จะชำระยอดผ่อนชำระที่เหลืออยู่ทั้งหมดหรือรายการใดรายการหนึ่ง ก่อนครบกำหนดระยะเวลาการผ่อนชำระ ผู้ถือบัตรต้องแจ้งให้ธนาคารทราบล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษร หรือแจ้งผ่านศูนย์บริการลูกค้า (Call Center) ในกรณีดังกล่าวผู้ถือบัตรจะต้องชำระยอดผ่อนชำระที่คงค้าง พร้อมดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียม (ถ้ามี) ทั้งหมด และรายการดังกล่าวจะไม่สามารถนำกลับมาขอใช้บริการผ่อนชำระรายเดือนได้อีก ทั้งนี้ เมื่อธนาคารได้รับแจ้งจากผู้ถือบัตร ธนาคารจะสรุปยอดคงเหลือ และรวมเรียกเก็บในใบแจ้งยอดในรอบบัญชีถัดไป และหากผู้ถือบัตรไม่ชำระทั้งหมดภายในวันที่กำหนดในใบแจ้งยอด ให้ถือว่าหนี้ทั้งหมดของยอดผ่อนชำระรายเดือนดังกล่าวถึงกำหนดชำระทันที และให้นำข้อ 12. มาใช้โดยอนุโลม

           14. หากมีการยกเลิกบัตรเครดิตไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก่อนครบระยะเวลาการผ่อนชำระ ให้ถือว่าหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดถึงกำหนดชำระในทันที และให้นำข้อ 12. มาใช้โดยอนุโลม

           15. ผู้ถือบัตรรับทราบว่า ธนาคารมีสิทธินำเงินที่ได้รับชำระจากผู้ถือบัตรไปจัดสรรชำระค่าใช้จ่าย ค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ย เงินต้น หรือหนี้ที่ผู้ถือบัตรคงค้างกับธนาคารตามลำดับก่อนหลังอย่างไรก็ได้ ตามที่ธนาคารจะพิจารณาเห็นสมควร

           16. การรับแลก เปลี่ยน คืนสินค้า รับประกันคุณภาพสินค้าและ/หรือบริการให้เป็นไปตามข้อกำหนด ข้อตกลงและการรับประกันจากสถานที่รับบัตร และในกรณีมีข้อโต้แย้งระหว่างผู้ถือบัตรกับสถานที่รับบัตร หรือมีการยกเลิกการซื้อสินค้าและ/หรือบริการ และสถานที่รับบัตรปฏิเสธการรับคืนสินค้าที่ซื้อสินค้าและ/หรือบริการ ผู้ถือบัตรยังคงมีหน้าที่และความรับผิดชอบในการชำระหนี้ตามการผ่อนชำระรายเดือนจนกว่าธนาคารจะได้รับชำระหนี้ครบถ้วน

           17. ธนาคารไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตและจำหน่ายสินค้าและ/หรือบริการ หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัยหากผู้ถือบัตรมีข้อเรียกร้องใด ๆ เกี่ยวกับความชำรุด เสียหาย คุณภาพของสินค้าและ/หรือบริการที่ผู้ถือบัตรซื้อด้วยการผ่อนชำระรายเดือน ผู้ถือบัตรตกลงเรียกร้องกับสถานที่รับบัตรโดยตรง

           18. ธนาคารมีสิทธิแก้ไข เพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลงข้อตกลงและเงื่อนไขในการผ่อนชำระรายเดือนรวมทั้งค่าธรรมเนียม ค่าบริการ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการใช้บริการ และสิทธิต่าง ๆ ได้ โดยธนาคารจะแจ้งให้ผู้ถือบัตรทราบเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น แจ้งในใบแจ้งยอดล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 (สามสิบ) วัน เว้นแต่

           18.1 หากเป็นกรณีเร่งด่วน ธนาคารจะแจ้งให้ทราบเป็นลายลักษณ์อักษรทางจดหมายหรือประกาศทางหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทยที่แพร่หลายในประเทศล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 (เจ็ด) วัน โดยในกรณีการแจ้งโดยประกาศทางหนังสือพิมพ์ ธนาคารจะแจ้งให้ผู้ถือบัตรทราบเป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้งหนึ่ง

           18.2 หากการแก้ไข เพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นประโยชน์หรือลดภาระแก่ผู้ถือบัตร การแก้ไข เพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับได้ทันที โดยธนาคารจะแจ้งให้ผู้ถือบัตรทราบภายใน 30 (สามสิบ) วัน หลังมีผลใช้บังคับ ทั้งนี้ การแก้ไข เพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงและเงื่อนไขนี้